Exterior Architecture Lighting Design
- Metha Flourish House
- May 13
- 2 min read
หลักการออกแบบแสงสว่างภายนอกสำหรับอาคาร
การออกแบบแสงสว่างภายนอกอาคาร (Exterior Lighting Design) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม สร้างความปลอดภัย และเพิ่มบรรยากาศให้กับพื้นที่โดยรอบ การออกแบบที่ดีต้องคำนึงถึงทั้งความสวยงาม การใช้งานจริง และประสิทธิภาพทางพลังงาน ในบทความนี้จะกล่าวถึงหลักการออกแบบ Lighting Design สำหรับงานสถาปัตยกรรมภายนอกโดยเฉพาะ

1. วัตถุประสงค์ของการออกแบบ Exterior Lighting
การออกแบบแสงสว่างภายนอกอาคารมีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้
1.1 การเน้นรูปทรงทางสถาปัตยกรรม (Architectural Highlighting)
ใช้แสงเพื่อเน้นจุดเด่นของอาคาร เช่น เส้นโค้ง ระนาบ façade หรือรายละเอียดโครงสร้าง
เทคนิคเช่น Wall Grazing (แสงส่องเฉียดผนังเพื่อเน้นพื้นผิว) และ Wall Washing (แสงส่องกระจายบนผนัง)
1.2 ความปลอดภัยและการใช้งาน (Safety & Functionality)
ให้แสงสว่างเพียงพอในพื้นที่สัญจร เช่น ทางเดิน ทางรถยนต์ และบันได
ลดจุดอับแสง (Dark Spots) เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
1.3 การสร้างบรรยากาศ (Ambiance & Mood)
ใช้แสงสีและอุณหภูมิสี (Color Temperature) ที่เหมาะสม เช่น สีอบอุ่น (2700K-3000K) สำหรับพื้นที่พักผ่อน สีขาวเย็น (4000K-5000K) สำหรับพื้นที่สาธารณะ
เล่นกับแสงและเงา (Light and Shadow) เพื่อสร้างมิติ
1.4 ความยั่งยืนและประหยัดพลังงาน (Sustainability & Energy Efficiency)
เลือกใช้หลอด LED หรือระบบควบคุมอัจฉริยะ (Smart Lighting) เพื่อลดพลังงาน
ออกแบบให้แสงไม่ฟุ้งกระจาย (Light Pollution Control)
2. องค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ Exterior Lighting
2.1 ประเภทของแสง (Lighting Types)
Task Lighting – ให้แสงสว่างในจุดที่ต้องใช้งาน เช่น ทางเดิน
Accent Lighting – เน้นจุดสนใจ เช่น ต้นไม้ ประติมากรรม
Ambient Lighting – แสงทั่วไปเพื่อสร้างบรรยากาศ
2.2 ทิศทางและมุมของแสง (Light Direction & Angle)
Up Lighting – ส่องจากด้านล่างขึ้นบนเพื่อเน้นความสูง
Down Lighting – ส่องจากด้านบนลงมา เหมาะสำหรับทางเดิน
Cross Lighting – ใช้แสงจากหลายทิศทางเพื่อลดเงามืด
2.3 การเลือกโทนสีแสง (Color Temperature & CRI)
Warm White (2700K-3000K) – ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะกับร้านอาหาร ที่พักอาศัย
Cool White (4000K-5000K) – ให้ความรู้สึกทันสมัย เหมาะกับพื้นที่เชิงพาณิชย์
CRI (Color Rendering Index) – ควรสูงกว่า 80 เพื่อแสดงสีวัตถุได้สมจริง
2.4 การควบคุมแสง (Lighting Control Systems)
Timer & Sensor – เปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยเซ็นเซอร์การเคลื่อนไหว
Dimmable System – ปรับความสว่างตามความต้องการ
Smart Lighting – ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน
3. เทคนิคการออกแบบ Exterior Lighting สำหรับพื้นที่ต่าง ๆ
3.1 ไฟ façade อาคาร (Building Facade Lighting)
ใช้ Wall Grazing เพื่อเน้นพื้นผิวผนัง
ใช้ Silhouette Lighting เพื่อสร้างเงาดรามาติก
3.2 ไฟสวนและภูมิทัศน์ (Landscape Lighting)
Path Lighting – ไฟทางเดินแบบเสาต่ำ
Tree Uplighting – ส่องแสงขึ้นต้นไม้เพื่อสร้างมิติ
Water Feature Lighting – ไฟสระน้ำหรือน้ำพุ
3.3 ไฟทางเข้าอาคาร (Entrance Lighting)
ใช้โคมไฟแขวน (Pendant Lights) หรือไฟฝังพื้น (Recessed Lights)
ควรมีความสว่างเพียงพอเพื่อการต้อนรับ
3.4 ไฟลานจอดรถ (Parking Lot Lighting)
เลือกโคมไฟแบบ Cut-off เพื่อลดแสงรบกวน
ใช้แสงสีขาว (4000K) เพื่อความปลอดภัย
4. ข้อควรระวังในการออกแบบ
แสงรบกวน (Light Pollution) – ควรออกแบบให้แสงไม่ฟุ้งไปยังพื้นที่ข้างเคียง
การบำรุงรักษา (Maintenance) – เลือกอุปกรณ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศ
ความสม่ำเสมอของแสง (Uniformity) – กระจายแสงให้สม่ำเสมอเพื่อลดจุดมืด
สรุป
การออกแบบ Exterior Lighting ที่ดีต้องผสมผสานระหว่างความสวยงาม ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงาน โดยคำนึงถึงลักษณะทางสถาปัตยกรรมและฟังก์ชันการใช้งาน ด้วยการเลือกประเภทแสง ทิศทาง และระบบควบคุมที่เหมาะสม จะช่วยสร้างมิติและชีวิตชีวาให้กับอาคารและพื้นที่โดยรอบ
หากออกแบบอย่างมีหลักการ แสงสว่างภายนอกจะไม่เพียงให้ความสว่าง แต่ยังเป็นองค์ประกอบที่เสริมเอกลักษณ์และคุณค่าของงานสถาปัตยกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การออกแบบแสงสว่างถือเป็นศิลปะที่ผสมผสานเทคโนโลยีและความสร้างสรรค์ ลองนำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วจะพบว่าพื้นที่ภายนอกอาคารสามารถเปลี่ยนโฉมได้อย่างน่าทึ่งเลย

Comments